
(เครดิตรูปภาพ: freepik)
ภาพรวมตลาด สงครามสองแนวรบที่ชัดเจน
ตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของจีนในเดือนตุลาคม 2025 เผยให้เห็นภาพการแข่งขันที่แบ่งออกเป็นสองขั้วอย่างชัดเจน แม้ภาพรวมยอดค้าปลีกจะอยู่ที่ 2.242 ล้านคัน (ลดลง 0.8% เมื่อเทียบปีต่อปี) แต่ตัวเลขที่น่าสนใจคือส่วนแบ่งตลาดของรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ที่พุ่งสูงถึง 57.2% สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคครั้งใหญ่
สถานการณ์นี้ส่งผลให้ค่ายรถยนต์สันดาปดั้งเดิมและค่ายรถยนต์พลังงานใหม่ต้องงัดกลยุทธ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงออกมาใช้ กลายเป็น "สงครามสองแนวรบ" ที่ฝ่ายหนึ่งใช้ "ราคา" เป็นอาวุธหลัก ส่วนอีกฝ่ายใช้ "นวัตกรรม" เป็นหัวหอกในการบุกตลาด
กลยุทธ์ ‘รถสันดาป’ เมื่อ ‘ราคา’ คืออาวุธสุดท้าย
หลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากคู่แข่งสายเลือดใหม่มาตลอดหลายเดือน ค่ายรถสันดาปเลือกที่จะกลับมาสู้ในเกมที่ตนถนัด นั่นคือการใช้กลยุทธ์ด้านราคาและโปรโมชันส่งเสริมการขายอย่างดุเดือด เพื่อกระตุ้นความต้องการและรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้
กลยุทธ์นี้เห็นผลชัดเจนที่สุดในกลุ่ม รถยนต์ซีดาน ซึ่งความสนใจของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นมากกว่า 5% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยมีปัจจัยหลักมาจากการปรับลดราคาอย่างหนักหน่วงในหลายรุ่น ตัวอย่างเช่น:
- Mercedes-Benz E-Class และ Audi A6L ยังคงครองอันดับต้นๆ ในตารางความสนใจ ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสำหรับรถยนต์ที่มี "ตำนาน" และฐานแฟนคลับที่แข็งแกร่ง แต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความสนใจพุ่งสูงขึ้นในเดือนนี้คือ "การปรับราคา" ที่ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
การยอมเฉือนกำไรผ่านการลดราคาจึงเปรียบเสมือนอาวุธสำคัญของแบรนด์รถสันดาปในการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดในสนามแข่งที่เปลี่ยนแปลงไป
กลยุทธ์ ‘รถพลังงานใหม่ (NEV)’
ในขณะที่ฝั่งสันดาปเน้นเรื่องราคา ค่ายรถยนต์พลังงานใหม่กลับเดินหน้าเต็มกำลังด้วยการ "อัปเกรดเทคโนโลยี" อย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่เพียงเปิดตัวรถรุ่นใหม่ แต่ยังนำเสนอนวัตกรรมที่ล้ำหน้าเพื่อสร้างความแตกต่างและดึงดูดผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหาความคุ้มค่าในระยะยาว
ตลาด SUV และ MPV เดือดพล่านด้วยเทคโนโลยีใหม่
-
SUV: แม้ Tesla Model Yจะยังคงเป็นผู้นำด้านความสนใจ แต่ผู้ท้าชิงรายใหม่ก็น่าจับตามองไม่แพ้กัน
- Leapmotor D19: SUV ขนาดใหญ่ 6 ที่นั่ง ที่มาพร้อมแพลตฟอร์ม 1000V ชาร์จไว และมีให้เลือกทั้งรุ่นไฟฟ้าล้วน (วิ่งไกล 720 กม.) และรุ่นขยายระยะทาง (วิ่งรวมสูงสุด 1,500 กม.)
- Denza N8L: ชูจุดเด่นด้านความพรีเมียมด้วยตัวถังยาว 5.2 เมตร เบาะนั่งแบบ 2+2+2 และอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีอย่างระบบควบคุมตัวถังด้วยลม (Yun-Nian A) และระบบช่วยขับขี่ขั้นสูงเป็นมาตรฐาน
-
MPV:เทรนด์ของตลาดนี้มุ่งสู่ความหรูหราและขุมพลังไฮบริดประสิทธิภาพสูง
- GWM Wey Gaoshan 7: สร้างมาตรฐานใหม่ด้วยการให้ Laser Radar มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบไฮบริด (Hi4) ที่ให้กำลังมหาศาลถึง 458 แรงม้า
- GAC Trumpchi M8 Zongshi Edition: ยกระดับความพรีเมียมทั้งภายนอกและภายใน พร้อมระบบ Plug-in Hybrid ที่วิ่งได้ไกลกว่า 1,400 กม. ต่อการเติมน้ำมันและชาร์จไฟเต็มถัง
เทคโนโลยีระดับเรือธง ถูกส่งต่อถึงรถยนต์ระดับเริ่มต้น
จุดที่น่าสนใจที่สุดของกลยุทธ์ฝั่ง NEV คือการนำเทคโนโลยีและฟีเจอร์ระดับไฮเอนด์ลงมาใส่ในรถยนต์ระดับเริ่มต้น (Entry-Level) ที่มีราคาจับต้องได้ง่าย ทำให้ผู้บริโภคทั่วไปสามารถเข้าถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ได้มากขึ้น
- BYD 2026 Qin L DM-i (ราคาเริ่มต้นราว 440,000 บาท): อัปเกรดการใช้งานภายในให้พรีเมียมขึ้นด้วยเกียร์แบบก้านพวงมาลัย, ระบบอินโฟเทนเมนต์ DiLink 6.0 รุ่นล่าสุด และยังวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกลถึง 128 กม.
- Deepal Shenlan S05 520 Lite (ราคาเริ่มต้นราว 532,000 บาท): เจาะกลุ่มผู้ซื้อ EV คันแรกด้วยสเปคที่น่าทึ่งในราคานี้ ไม่ว่าจะเป็นระยะทางวิ่ง 520 กม., ระบบชาร์จเร็วที่เพิ่มระยะทาง 300 กม. ได้ใน 15 นาที, ปั๊มความร้อน (heat pump) และประตูแบบไร้กรอบ ซึ่งปกติจะพบได้ในรถยนต์ราคาสูงกว่านี้มาก
บทสรุป
ตลาดรถยนต์จีนในเดือนตุลาคม 2025 คือภาพสะท้อนของการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ ค่ายรถสันดาปยังคงต้องต่อสู้ด้วยกลยุทธ์ด้านราคาเพื่อรักษาฐานที่มั่น ในขณะที่ค่ายรถพลังงานใหม่กำลังสร้าง "มาตรฐานใหม่" ของอุตสาหกรรมด้วยการอัปเกรดเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดยั้งและเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนอย่างต่อเนื่อง
รับสิทธิ์ประเมินราคารถฟรีวันนี้!
อ่านเพิ่มเติม: รับซื้อรถยนต์มือสอง ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ให้ราคาสูง ภายใน 24 ชั่วโมง
ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…