(เครดิตรูปภาพ:Evans Halshaw)
หลายคนอาจจะเคยเห็นไฟโชว์บนหน้าปัดรถที่มีสัญลักษณ์คล้ายรถกับเส้นลื่น ๆ ใต้ล้อ นั่นก็คือระบบ Traction Control หรือที่บางครั้งเรียกสั้น ๆ ว่า TCS (Traction Control System) ซึ่งเป็นหนึ่งในระบบความปลอดภัยมาตรฐานที่รถสมัยใหม่แทบทุกคันติดตั้งมาให้แล้ว แต่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจว่ามันทำงานอย่างไร และสำคัญแค่ไหนเวลาขับขี่จริง ๆ
Traction Control คืออะไร?
Traction Control คือระบบที่ช่วยควบคุมแรงบิดของล้อเพื่อป้องกันไม่ให้ล้อหมุนฟรีเวลารถเสียการยึดเกาะกับพื้นผิวถนน โดยเฉพาะเวลาขับบนถนนลื่น เช่น ถนนเปียก ฝนตก หรือมีทรายและกรวด ระบบนี้จะช่วยให้รถทรงตัวดีขึ้นและลดความเสี่ยงในการลื่นไถล
ระบบทำงานอย่างไร?
- ตรวจจับการหมุนของล้อ – เซ็นเซอร์ ABS จะคอยตรวจสอบว่าล้อใดหมุนเร็วกว่าปกติหรือกำลังฟรีทิ้ง
- ลดแรงบิดเครื่องยนต์ – ถ้าพบว่าล้อหมุนฟรี ระบบจะสั่งลดกำลังเครื่องยนต์โดยอัตโนมัติ
-
สั่งเบรกบางล้อ – บางกรณี ระบบจะสั่งเบรกเฉพาะล้อที่หมุนฟรี เพื่อส่งกำลังไปยังล้อที่ยังเกาะถนนอยู่
ทำไม Traction Control ถึงสำคัญ?
- ช่วยให้ขับบนถนนเปียกหรือลื่นได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
- ลดโอกาสรถเสียการควบคุมเมื่อต้องออกตัวแรง ๆ หรือเข้าโค้ง
- ป้องกันอุบัติเหตุจากการลื่นไถลโดยไม่ตั้งใจ
เมื่อไหร่ที่ควรปิดระบบนี้?
โดยปกติเราไม่ควรปิด Traction Control เพราะมันช่วยเรื่องความปลอดภัย แต่บางสถานการณ์ เช่น
- ตอนรถติดหล่มโคลนหรือทราย ล้ออาจต้องหมุนฟรีเพื่อดึงรถขึ้น
- ขับบนหิมะ (ในต่างประเทศ) ที่ต้องการให้ล้อหมุนเพื่อสร้างแรงดันดันหิมะออกไป
สรุป
Traction Control เป็นเหมือนผู้ช่วยที่คอยดูแลความปลอดภัยให้คนขับแบบอัตโนมัติ ถึงแม้บางคนอาจไม่เคยสังเกตว่ามี แต่เชื่อเถอะว่ามันช่วยให้คุณขับขี่ได้ปลอดภัยและมั่นใจขึ้นมาก โดยเฉพาะบนถนนที่มีความเสี่ยงสูงนั่นเอง
อ่านเพิ่มเติม: เช็กให้ชัวร์! ไฟรถแต่ละประเภททำหน้าที่อะไรบ้าง
ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…